media
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในฤดูหนาว ณ กระท่อมเล็กกลางป่ากว้าง ชาวนาวัยชราคนหนึ่งกำลังจะเข้าเมืองเพื่อซื้อเสบียงอาหาร แต่ก่อนเดินทางเขากลับเจองูเห่าตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่หน้าบ้านเสียก่อน

นิทานอีสป

          "นี่คืองูเห่าที่มีพิษร้ายแรงน่ะรึ ? ทำไมถึงนอนไม่ขยับอย่างนี้ล่ะ" ชาวนาพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนสังเกตเห็นว่า ตามตัวของเจ้างูเห่านั้นมีหยดน้ำแข็งเล็ก ๆ เกาะไปทั่ว
          "อ๋อ.. ปกติงูไม่ถูกกับอากาศหนาว ๆ สินะ ช่างน่าสงสารเสียจริง" แต่ถึงแม้ชาวนาเฒ่าจะรู้สึกเวทนาแค่ไหน ก็ยังลังเลว่าจะช่วยงูเห่าตัวนี้ไว้ดีหรือไม่ เพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง
นิทานอีสป

          "แต่ฉันคงปล่อยให้เจ้างูตัวนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้.." เมื่อคิดได้ดังนั้นชาวนาเฒ่าจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเอง เอาไปห่อตัวของงูเห่าอย่างแน่นหนา แล้วอุ้มขึ้นมาไว้แนบอกหวังให้เจ้างูรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
นิทานอีสป

          เมื่องูเห่ารู้สึกดีขึ้นจากความอบอุ่นที่ได้รับ พละกำลังก็กลับคืนมาในที่สุด แต่ทันทีที่เห็นชาวนามันก็เกิดอาการตกใจ แล้วฉกไปยังแขนทันทีตามสัญชาตญาณก่อนเลื้อยหนีเข้าป่าไป ชาวนาเฒ่าพยายามห้ามเลือดตัวเองให้หยุดไหล ทว่าพิษร้ายแรงกลับซึมเข้าไปในร่างกายเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ชาวนาเฒ่าก็สิ้นใจลงอย่างน่าเวทนา..

นิทานอีสป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : 
          การรู้จักสงสารและมีจิตใจเมตตาต่อคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เด็ก ๆ ควรสังเกตก่อนว่าคนคนนั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร ถ้าเป็นคนพาล คนเลว นิสัยไม่ดี ต้องจำไว้เลยนะคะว่าเราไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยจะดีที่สุด เพราะเราไม่สามารถรู้เลยว่าสุดท้ายแล้ว คนเหล่านั้นจะหันกลับมาทำร้ายเราเหมือนที่เจ้างูเห่าทำกับชาวนาเฒ่าในนิทานหรือไม่ เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ต้องเลือกคบหาแต่เพื่อน ๆ ที่มีนิสัยดี น่ารัก รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบไม่หวังผลตอบแทน ที่สำคัญต้องรู้จักหลีกเลี่ยงสังคมที่มีแต่คนที่ชักชวนให้เราทำอะไรไม่ดีด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็ปลอดภัย ไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ ^^
  • Jul 14, 2020
  • Comments: 0
Comments: 0

No comments

Leave a Reply

Your email address cannot be published. Required fields are marked*